เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 65 ศาลจังหวัดนราธิวาส (ชั้นต้น) คดีหมายเลขดำเลขที่ อ.102/65 โดยมี นายริซัน สาแล๊ะ เป็นจำเลย จากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าพิสูจน์ทราบ ในพื้นที่ พรุป่าหวายเขตรอยต่อ ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อ 27 มิ.ย. 64 สามารถควบคุมตัว นายริซัน สาแล๊ะ สามารถยึดอุปกรณ์วัตถุระเบิดได้หลายรายการ ส่งฟ้องศาลในความผิดในคดีก่อการร้าย สะสมกำลังพลและอาวุธเพื่อก่อการร้าย อั้งยี่ พ.ร.บ.อาวุธปืน และวัตถุระเบิดฯ และในวันนี้ 11 พ.ค. 65 ศาลชั้นต้นจังหวัดนราธิวาส พิพากษา “จำคุก 2 ปี 6 เดือน” ความผิดฐานสะสมกำลังพลหรืออาวุธเพื่อก่อการร้าย จำคุก 2 ปี ฐานเป็นอั้งยี่ จำคุก 1 ปี และ และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำคุก 2 ปี แต่เนื่องจาก จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลลดโทษให้กระลงละกึ่งหนึ่ง “คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน”
ขณะที่อีกคดี เมื่อ 10 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา จังหวัดนาทวีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำเลขที่ อ.955/63 โดยมี มารุวัน ผดุง จำเลยความผิดฐาน อั้งยี่ จากเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณศาลาทวด ในพื้นที่ ถ.ชาญนุเคราะห์ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 63 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนนั้นทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียน 2 คน ประกอบด้วย 1.นายเจษฎากร ศรีจันทร์ ปลัดอำเภอ 2.มญ.สมจิตร์ กัลยาลอง อส. 3.มญ.ขะสมาน จะเนมะนน อส.4 อส.สิรวัชร นาคะสุวรรณ อส. 5. ดญ.ชนิดาภา แก้วเกาะสะบ้า นักเรียน 6.น.ส.เมษะมาลย์ ติ้งประสม ประชาชน7.ดช.ธนกฤต แก้วเกาะสะบ้า นักเรียน 8.นายนรินทร์ แก้วเกาะสะบ้า
โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้น “ให้จำคุกจำเลย 1 ปี” เนื่องจากศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยอยู่ในกลุ่มขบวนการที่มีแนวความความคิดแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นคณะบุคคลซึ่งปกปิดการกระทำดังกล่าวถึงแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ โดยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลรอการกำหนดโทษ (รอลงอาญา) โดยให้เหตุผลว่ามีภาระหน้าที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นหน้าที่ตามศีลธรรมจรรยาซึ่งบุคคลอื่นโดยทั่วไปก็มีภาระหน้าที่จำเลย จึงไม่มีเหตุให้รอการกำหนดโทษ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์จึงเห็นพ้องด้วย
——————————–