จากกรณีสื่อออนไลน์เผยแพร่คลิป เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเข้าทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัย ในพื้นที่หมู่บ้านบ่อทอง ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565 นั้น แล้วมีการปะทะคารมกัน ระหว่างภรรยาผู้ต้องสงสัยกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานจนเกิดความเข้าใจผิดในสื่อออนไลน์
ซึ่งการเข้าตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับข่าวแจ้งเตือน จากแหล่งข่าวภาคประชาชนในพื้นที่ ว่ามีการเคลื่อนไหวของ นายมูฮัมหมัดฟิตรี เจะหะ และนายอับดุลเลาะ เปาะมา ซึ่งทั้ง 2 เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ลอบยิง 2 ตายาย คือ นายไพศาล จุ่งสกุล อายุ 65 ปี และนางสุมล จุ่งสกุล อายุ 58 ปี ฆ่าและขโมยรถมอไซค์ 2 ตายาย หวังทำคาร์บอม ที่บริเวณถนนสายฮูรูปาเร๊ะ-จุฬาภรณ์ ช่วงบริเวณบ้านฮูรูปาเร๊ะ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส หลังเดินทางกลับจากซื้อเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปงานรับปริญญาบัตรของลูกสาว ที่ตลาดตันหยงมัส ซึ่งทั้ง 2 ราย ถูกยิงที่บริเวณศีรษะและเสียชีวิตในที่เกิด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา
โดยก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบปะผู้นำ เครือญาติ เพื่อที่จะให้เขาเข้ามาแสดงตนสู่กระบวนการยุติธรรม โครงการพาคนกลับบ้าน ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พบปะพัฒนาสัมพันธ์ ได้รับการอนุญาตจาก พ่อ แม่ และคนในบ้านแล้ว ในขณะที่เจ้าหน้าที่พร้อมกับ นายสุชาติ หะยีมะสาแม ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปพูดคุย สร้างความเข้าใจ โดยมี น.ส.ซัลวานีย์ ยาแล ภรรยาของนายมูฮัมหมัดฟิตรีฯ น้องสาว และน้องชาย ซึ่งอยู่ภายในบ้านเกิดความไม่พอใจส่งเสียงดังเป็นภาษามาลายู และต่อว่าเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง ทำการบันทึกถ่ายคลิปดังกล่าวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองและกล่าวร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นกระทำเกินกว่าเหตุ การออกมาถ่ายวิดีโอปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเองเป็นสิ่งที่ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าลดความรู้สึกอคติของตัวเองลง ยอมรับฟังเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะการเข้าไปในบ้านผู้ต้องสงสัยทุกครั้งเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนอย่างระมัดระวัง และคำนึงถึงความเหมาะสม ไม่ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ในส่วนที่ภรรยาผู้สงสัยกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่พกปืนจนทำให้ตนเองหวาดกลัวนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว อาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่พกมาถือว่าเป็นอาวุธประจำกาย ไม่มีการนำไปจ่อเด็ก จ่อผู้หญิง ตามที่มวลชนฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้าง
————————