วันที่ 8 มี.ค.64 สาธารณสุข จ.ยะลา คาด จังหวัดยะลา จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 ขณะนี้ อยู่ในระยะรอคอย ซึ่งจะต้องให้ประชาชนในจังหวัดเสี่ยงกลุ่มที่ 1 ที่มีอัตราผู้ป่วยสูง ได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เนื่องจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 หวังผล ลดความรุนแรง ลดการป่วยตาย ส่วน จ.ยะลา ยังไม่เจอผู้ป่วยในระลอกใหม่ พบเฉพาะกลุ่มที่ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย ในจังหวัดยังไม่มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่ ร่วม 300 วัน
ในส่วนของการเตรียมความพร้อม สถานบริการ หน่วยบริการที่จะมีการฉีดวัคซีน นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ระบุว่า ทาง สสจ.ยะลา ได้ซักซ้อมไป ทุก โรงพยาบาล แล้ว ถึงขั้นตอนการฉีด การดูแลผู้ป่วยภาวะข้างเคียง การเตรียมข้อมูลกลุ่มที่จะฉีด เป็นกลุ่มแรก ทั้งบุคลากรสาธารณสุข รพ.เอกชน เตรียมรายชื่อไว้พร้อมแล้ว เมื่อวัคซีนมาถึงก็พร้อมจะฉีดให้ทันที ส่วนที่สอง รายชื่อกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานด่านหน้า ขณะนี้ แต่ละที่ก็ได้ให้ไปพูดคุย ทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมาย มีรายชื่อพร้อมอยู่แล้ว แต่จะต้องเช็คความสมัครใจ มีตัวตน หรือไม่ เพื่อให้เกิดความละเอียดในการบริหารจัดการวัคซีนที่มีจำนวนจำกัด
ส่วนความกังวลว่าพี่น้องชาวมุสลิมจะสามารถฉีดได้หรือไม่นั้น จ.ยะลา ก็ได้พูดคุยกับผู้บริหารสาธารณสุขถึงความพร้อม สำหรับพี่น้องมุสลิม แล้ว ได้ประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อประสานไปยังสำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อหาข้อวินิจฉัย ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าบุคลากรทางการแพทย์ ของมาเลเซีย ก็ได้ฉีดวัคซีนแล้ว ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข จะประสานจุฬาราชมาตรี ขอข้อกำหนดอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน
แต่อย่างใดก็ตาม ตอนนี้ จ.ยะลา ยังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด แต่ก็พบในกลุ่มที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นแล้ว และรักษาหายแล้ว การดูแลเราก็ยังมีการสุ่มตรวจกลุ่มเป้าหมายบุคลากร เจ้าหน้าที่ ประชาชนที่มีอาชีพเสี่ยงสูง มีการเคลื่อนย้ายบ่อย อาทิ พนักงานขับรถ พ่อค้า แม่ค้า พนักงานโรงแรม คิดว่าปลายเดือนนี้ ก็สามารถตรวจได้จนครบทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ประชาชนวางใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนของการป้องกันประชาชน ก็คงต้องทำเหมือนเดิม สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง สแกนไทยชนะ รวมถึงต้องบันทึกตนเองว่าไปไหนมา เพื่อลดความเสี่ยง วัคซีนช่วงแรกๆ ยังมีไม่มาก ไม่สามารถฉีดให้ประชาชนทั้งจังหวัดได้ทั้งหมด ต้องให้ได้ประมาณ 95-100% ของประชาชน ถึงจะป้องกันโรคนี้ได้
ซึ่งกว่าจะได้มาก็คาดว่าน่าจะสิ้นปี จึงต้องคงมาตรการเดิมไว้ และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง สถานการณ์การประท้วงในประเทศเมียนมา ในขณะนี้ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนไหลทะลักออกมา อีกทั้ง ใกล้จะเข้าสู่เดือนถือศีลอด รายอ ของพี่น้องชาวมุสลิม จะมีการเคลื่อนไหวของประชาชนอีกรอบ เราก็ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ตราบที่วัคซีนยังกระจายไม่ทั่วถึง มาตรการก็ต้องคงเดิมต่อไป.
—————————-