วันที่ 21 ม.ค.64 พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี สั่งคุมเข้มกำลังป้องกันแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันจุดล่อแหลมที่เป็นช่องทางข้ามแดนตามธรรมชาติทางน้ำ พร้อมประสานทำงานร่วมทหารเรือและตำรวจน้ำ จัดชุดลาดตระเวนตรวจทางเรือ ส่วนพื้นที่ป่าเขาจัดกำลังกองร้อยเฉพาะกิจ จากหน่วยปกติเข้ามาเสริมการปฏิบัติงานของกำลังป้องกันชายแดน เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่พบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง รวมถึงการเสริมระบบไฟส่องสว่างและเครื่องกีดขวางปิดช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนการซ่อมแซมรั้วชายแดนที่พบถูกทำลายตั้งแต่แนวชายแดน จ.นราธิวาส ,จ.ยะลา , จ.สงขลา และ จ.สตูล
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต้องมีการป้องกันตนเองไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตรา ห้ามไม่ให้มีการเล็ดลอดหลบหนีเข้ามาทางช่องทางต่างๆ โดยเด็ดขาด เนื่องจากแรงงานต่างด้าวเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ หลังทางการมาเลเซียประกาศปิดประเทศ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 2 ทวีความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายถูกทางการมาเลเซียจับกุมกวาดล้างอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลบหนีทะลักข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทย ตามช่องทางธรรมชาติต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดจากรายงานพบว่าตั้งแต่ 1 ต.ค. 63 – ม.ค.64 (ถึงปัจจุบัน) เจ้าหน้าที่ชุดกำลังป้องกันชายแดนสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้แล้ว 38 ครั้ง ประกอบด้วยชาวกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และชาวลาว รวม 245 คน รวมถึงกลุ่มค้าแรงงานผิดกฎหมายคนไทยและมาเลเซียอีก 5 คน รวมจับกุมทั้งสิ้น 250 คน โดยพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและสงขลาจับกุมได้มากสุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้มีการบูรณาการทำงานราวมกันทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนภาคประชาชนในพื้นที่ สร้างความเข้าใจถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดหนักของโควิด19 ในมาเลเซีย ทั้งยังต้องบูรณาการด้านการข่าวร่วมกัน โดยเฉพาะช่วยในการติดตามจับกุมการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอยู่ขณะนี้ เพราะการข่าวที่ได้มาจากการแจ้งของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดและเสริมการตระหนักรับรู้แก่ประชาชนตามแนวชายแดน หากพบเห็นผู้คนแปลกหน้า หรือกลุ่มคนแปลกปลอมข้ามมาตามแนวชายแดนให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยกันสกัดกั้น
พลตรีศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 ในมาเลเซียกำลังระบาดหนักและทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ต้องเลิกจ้างแรงงานต่างด้าว ทำให้แรงงานเหล่านั้นต้องหาวิธีที่จะกลับไปยังประเทศของตัวเอง โดยวิธีง่ายที่สุดคือ การข้ามมายังประเทศไทยแบบมีการนำพา ซึ่งที่จับได้ทั้ง 250 คน พบว่ามีผู้นำพาที่เป็นทั้งคนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ตรงนี้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นให้ได้มากที่สุด โดยขั้นต้นเมื่อควบคุมแรงงานต่างด้าวได้แล้วจะส่งตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรค ตามกระบวนการขั้นตอนอย่างเคร่งครัด รวมถึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้นำพาก็จะส่งตำรวจดำเนินคดีและสืบหาต้นต่อรายใหญ่ให้ได้ ซึ่งในอดีตเคยทำมาและปัจจุบันก็มีขบวนการรายใหม่ๆ เข้ามา เพราะคิดว่าเป็นรายได้ดี โดยคนพวกนี้กำลังทำความเดือดร้อนเข้ามาในประเทศ จึงไม่อยากให้ใครไปสนับสนุน จึงอยากฝากถึงประชาชนในทุกพื้นที่แนวชายแดนให้ตระหนักรับรู้ถึงพิษภัยของโรคโควิด19 ที่ระบาดในระลอกที่ 2 มีความรุนแรงมาก จึงไม่อยากให้เห็นแค่ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะได้รับ ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบเห็น
———————-